จริงหรือไม่?!? น้ำหอมใช้แทนสบู่ในยุคโรมัน
ในสมัยโรมันโบราณ แนวคิดเรื่องความสะอาดและการดูแลร่างกายมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูง แม้สบู่ในยุคนั้นจะยังไม่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่คนโรมันมีวิธีดูแลตัวเองด้วยการใช้น้ำมันหอมและน้ำหอมแทนการใช้สบู่ ดังนี้
1. น้ำมันหอมระเหยเพื่อการทำความสะอาด
การใช้ในอาบน้ำ คนโรมันนิยมอาบน้ำในโรงอาบน้ำสาธารณะ (Thermae) ซึ่งเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์และสถานที่ผ่อนคลาย
ก่อนอาบน้ำ พวกเขาจะทาตัวด้วย น้ำมันมะกอกผสมสมุนไพร หรือดอกไม้ น้ำมันถูกใช้เพื่อทำความสะอาดร่างกาย โดยการทาน้ำมันแล้วใช้ strigil (เครื่องมือโลหะ) ขูดน้ำมัน สิ่งสกปรก และเหงื่อออกจากผิว
การทำให้ตัวหอม หลังการอาบน้ำ ชนชั้นสูงจะทาน้ำมันหอมที่ผสมกลิ่นดอกไม้ เช่น ดอกกุหลาบ มะลิ หรือโรสแมรี เพื่อเพิ่มความหอมให้กับร่างกาย
2. การใช้กลิ่นหอมแทนการดับกลิ่นตัว
ในยุคนั้น สภาพอากาศที่อบอุ่นและการเดินทางในที่แออัดทำให้การดับกลิ่นตัวเป็นเรื่องสำคัญ การใช้น้ำหอมที่ทำจากดอกไม้และเครื่องเทศ เช่น ซินนามอน และกำยาน ถูกนำมาใช้เพื่อกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์
3. น้ำหอมในเสื้อผ้าและอุปกรณ์
น้ำหอมไม่ได้ใช้เพียงแค่กับร่างกาย แต่ยังถูกนำไปชุบบนเสื้อผ้า เครื่องประดับ และแม้กระทั่งในที่อยู่อาศัย
ผ้าเช็ดหน้าหอมน้ำมัน คนโรมันพกผ้าเช็ดหน้าที่ชุบน้ำมันหอมไว้ใช้ในโอกาสต่างๆ เพื่อเพิ่มความหรูหรา
4. การใช้น้ำหอมแทนสบู่ในชีวิตประจำวัน
ชนชั้นสูง การทาน้ำหอมหลังอาบน้ำเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความมั่งคั่งและรสนิยม
ชนชั้นทั่วไป แม้ชนชั้นล่างจะไม่สามารถเข้าถึงน้ำหอมชั้นสูงได้ แต่พวกเขาก็ใช้น้ำมันจากธรรมชาติหรือสมุนไพรในแบบเรียบง่าย
5. สบู่ในยุคโรมัน
สบู่ในยุคนั้นยังไม่ได้มีบทบาทสำคัญต่อการดูแลร่างกาย คนโรมันใช้สบู่ (Sapo) ในการซักผ้าแทนการทำความสะอาดผิว
สบู่ที่เรารู้จักในปัจจุบันเริ่มถูกนำมาใช้ในวงกว้างในยุคกลางหลังจากยุคโรมันล่มสลาย
[สรุป]
การใช้น้ำหอมและน้ำมันหอมในยุคโรมันสะท้อนถึงความใส่ใจในสุขอนามัยและความรักสวยรักงาม แม้ว่าสบู่จะยังไม่แพร่หลาย แต่การใช้น้ำมันหอมที่หลากหลายก็ช่วยให้คนในยุคนั้นมีร่างกายที่สะอาดและหอมตลอดวัน ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญที่ส่งต่อมาสู่ยุคสมัยปัจจุบัน!