ทำไมน้ำหอมฉีดตัวต้อง EDP ดีกว่ายังไง...
น้ำหอม EDP (Eau de Parfum) คือหนึ่งในประเภทน้ำหอมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากมีความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหยมากกว่าน้ำหอมชนิดอื่น เช่น EDT (Eau de Toilette) หรือ Cologne ทำให้กลิ่นติดทนนาน และมีกลิ่นหอมที่ซับซ้อน น่าหลงใหล เหมาะกับการใช้ในโอกาสพิเศษ หรือวันที่คุณต้องการความมั่นใจ
1. ความเข้มข้นของน้ำหอม EDP
EDP มีความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหยอยู่ที่ 15-20%
เข้มข้นกว่าน้ำหอม EDT (5-15%) และ Cologne (2-4%)
กลิ่นหอมเด่นชัด ติดผิวได้ยาวนานแม้ฉีดเพียงเล็กน้อย
2. น้ำหอม EDP ติดทนนานแค่ไหน?
โดยทั่วไปแล้ว Eau de Parfum สามารถติดทนได้นานถึง 4-8 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น
สภาพผิวของแต่ละคน (ผิวมันมักจะเก็บกลิ่นได้นานกว่าผิวแห้ง)
สภาพอากาศและกิจกรรมประจำวัน
ตำแหน่งที่ฉีด เช่น จุดชีพจรจะช่วยให้กลิ่นกระจายได้ดีกว่า
3. กลิ่นของ EDP มีความซับซ้อนและหลากหลาย
Eau de Parfum มักมีกลิ่นที่ลึกและหลายชั้น โดยแบ่งเป็น
Top Notes: กลิ่นที่รู้สึกได้ทันทีหลังฉีด
Middle Notes: กลิ่นหลักที่โดดเด่นหลัง Top notes จางลง
Base Notes: กลิ่นที่ติดทนนานที่สุด ให้ความลึกและเป็นเอกลักษณ์
4. กลิ่นของ EDP มีหลายแนว
ดอกไม้ (Floral)
ไม้หอม (Woody)
เครื่องเทศ (Spicy)
กลิ่นอบอุ่น (Oriental)
กลิ่นผลไม้สดชื่น (Fruity/Citrus)
วิธีใช้ Eau de Parfum ให้หอมทนนาน
- ฉีดบนจุดชีพจร: ข้อมือ, คอ, หลังหู หรือข้อพับแขน
- หลีกเลี่ยงการถูข้อมือหลังฉีด เพราะจะทำให้กลิ่นเพี้ยน
- หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงที่สัมผัสกับผิวที่ฉีดน้ำหอม
- เก็บขวดในที่เย็นและแห้ง เพื่อรักษาคุณภาพของกลิ่น
ข้อดีของน้ำหอม EDP
1. ติดทนนาน: เหมาะสำหรับโอกาสพิเศษ งานกลางคืน หรือวันที่ต้องการกลิ่นหอมยาวนาน
2. คุ้มค่า: ใช้เพียงเล็กน้อยก็ให้กลิ่นที่เด่นชัด ติดทนนาน
3. ใช้ได้ตลอดปี: เลือกกลิ่นให้เหมาะกับฤดู เช่น กลิ่นสดชื่นในหน้าร้อน กลิ่นอบอุ่นในหน้าหนาว
สรุปทำไมน้ำหอม EDP ถึงเหมาะกับคุณ?
หากคุณกำลังมองหาน้ำหอมที่ กลิ่นติดทนนาน, หอมลึก, และ ใช้งานได้หลากหลายโอกาส น้ำหอม Eau de Parfum (EDP) คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ทั้งยังคุ้มค่าและเป็นตัวเองผ่านกลิ่นหอมได้อย่างมีเอกลักษณ์