เลือกกลิ่นน้ำหอมให้เหมาะสภาพอากาศ หอมติดทนนานขึ้น
รู้ไหม? กลิ่นเดียวกัน แต่ฉีดในฤดูร้อนกับฤดูฝนให้ความรู้สึกต่างกัน
ไม่ใช่แค่เรื่องความรู้สึกเท่านั้น แต่สภาพอากาศ มีผลต่อความติดทนและการกระจายตัวของกลิ่นโดยตรงเลยทีเดียว!
ถ้าอยากให้น้ำหอมที่ใช้หอมฟุ้ง ติดทนนาน ขึ้นจริง ๆ ลองเลือกกลิ่นให้สอดคล้องกับฤดูดูสิ!
️ฤดูร้อน ใช้กลิ่นสดชื่น โปร่งเบา
อากาศร้อนทำให้น้ำหอมระเหยไวมาก
หากใช้กลิ่นเข้มอย่าง Amber หรือ Musk อาจรู้สึกฉุนหรือเวียนหัว
แนะนำโทนกลิ่น
Citrus (ส้ม, เลมอน, เบอร์กาม็อต)
Green Tea, Herbal, Marine (กลิ่นทะเล, ใบไม้)
Fruity แบบเบา (แอปเปิล, พีช)
ข้อดี: ช่วยให้รู้สึกสดชื่น เย็นสบาย กลิ่นไม่ทึบฟุ้งกระจายดีในอุณหภูมิสูง
หน้าฝน ใช้กลิ่นโปร่งใส ไม่ชื้น
อากาศชื้นทำให้กลิ่นบางตัว อับ หรือกระจายตัวได้ไม่ดี
ควรเลี่ยงกลิ่นแนวอวลจัดหรือกลิ่นหวานหนัก เพราะจะทำให้กลิ่น "อึดอัด"
แนะนำโทนกลิ่น
Aquatic (กลิ่นน้ำ / กลิ่นฝน / Ozonic)
White Floral (มะลิ, ดอกส้ม), Soft Musk
กลิ่นสบู่สะอาด กลิ่นผ้าสะอาด
ข้อดี: กลิ่นจะหอมละมุน ไม่อับชื้น เสริมบรรยากาศให้สดใสแม้ในวันที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน
️หน้าหนาว ใช้กลิ่นลึก อบอุ่น ติดทนนาน
อากาศเย็นทำให้น้ำหอมระเหยช้า
นี่แหละเวลาทองของ กลิ่นเข้มๆ เพราะจะกระจายอย่างพอดี ไม่ฉุน
แนะนำโทนกลิ่น
Woody (ไม้จันทน์, แพทชูลี่, ซีดาร์)
Oriental / Amber / Vanilla
Gourmand (กลิ่นขนมหวาน เช่น คาราเมล)
ข้อดี: กลิ่นจะอบอุ่น หรูหรา และติดผิวยาวนานโดยไม่แรงเกินไป
แล้วกลิ่นติดทนขึ้นได้ยังไง?
3 สิ่งที่ส่งผลในน้ำหอม ได้แก่
1. การระเหยของหัวน้ำหอม
ร้อน = ระเหยไว กลิ่นจางเร็ว
เย็น = ระเหยช้า กลิ่นทน
การกระจายของกลิ่น
2. ลม / ความชื้นส่งผลให้กลิ่นอวลหรือกระจุกตัว
กลิ่นบางตัวจะ ขยายตัวดี ในอากาศร้อน
การเกาะตัวของกลิ่นบนผิว
3. ความแห้งหรือความมันของผิวก็ส่งผลเช่นกัน
การเลือกกลิ่นให้เหมาะกับสภาพอากาศ ช่วยให้กลิ่นหอมติดทน และกระจายตัวดี โดยไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ
รู้แบบนี้แล้ว เลือกกลิ่นให้ตรงฤดู แล้วคุณจะรู้ว่ากลิ่นที่ใช่ไม่ได้มีแค่กลิ่นเดียว