วิธีดูแลรถหน้าฝนและน้ำท่วม พร้อมเคล็ดลับลดกลิ่นอับในรถ
เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ปัญหาที่ผู้ใช้รถหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ น้ำท่วมขังและถนนลื่น ซึ่งไม่เพียงทำให้การขับขี่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ แต่ยังสร้างความเสียหายให้กับรถได้ง่าย ตั้งแต่ระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์ ไปจนถึงภายในรถที่เกิดกลิ่นอับ การรู้จักวิธีป้องกันและดูแลรถอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็น บทความนี้ได้รวบรวม แนวทางดูแลรถหน้าฝนและน้ำท่วม ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง ระหว่างขับลุยน้ำ และหลังจากผ่านพื้นที่น้ำท่วม เพื่อช่วยให้รถของคุณปลอดภัยและใช้งานได้ยาวนาน
ก่อนออกเดินทาง
1. เช็กสภาพรถอย่างละเอียด
ก่อนขับรถช่วงหน้าฝน ควรตรวจสอบยาง แรงดันลม เบรก และที่ปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ยางที่ดอกลึกและแรงดันเหมาะสมจะช่วยรีดน้ำและเกาะถนนได้ดี ส่วนที่ปัดน้ำฝนควรเปลี่ยนใหม่หากเสื่อมสภาพ เพื่อให้ทัศนวิสัยชัดเจนในฝนตกหนัก
2. เลี่ยงเส้นทางน้ำท่วม
ติดตามข่าวการจราจรหรือใช้แอปพลิเคชันแผนที่แบบเรียลไทม์ หากพบเส้นทางมีน้ำท่วม ควรหาทางเลี่ยงทันที การป้องกันไม่ให้รถต้องลุยน้ำ คือวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลรถหน้าฝน
3. ไม่จอดรถในพื้นที่ต่ำ
หลีกเลี่ยงการจอดในลานจอดรถใต้ดิน หรือพื้นที่ที่มีประวัติท่วมขัง เพราะรถอาจถูกน้ำท่วมเสียหายโดยไม่ทันตั้งตัว หากจำเป็นควรเลือกจุดสูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
4. เตรียมถุงพลาสติกและซองกันน้ำ
ควรมีซองหรือถุงพลาสติกสำหรับเก็บเอกสารสำคัญของรถ เช่น คู่มือ ใบรับรองประกัน รวมถึงอุปกรณ์ชาร์จไฟต่าง ๆ เพื่อป้องกันความเสียหายจากความชื้นและน้ำ
วิธีจัดการหากต้องขับรถลุยน้ำท่วม
1. ใช้เกียร์ต่ำและรักษารอบเครื่อง
การขับลุยน้ำควรใช้เกียร์ต่ำและเดินเครื่องช้า ๆ รักษารอบเครื่องให้คงที่ประมาณ 1,500-2,000 รอบ เพื่อป้องกันน้ำย้อนเข้าท่อไอเสียและทำให้เครื่องดับ
2. อย่าแซงหรือขับเร็ว
การขับเร็วจะทำให้เกิดคลื่นน้ำกระแทกใต้ท้องรถและห้องเครื่อง เสี่ยงต่อความเสียหายและการดับกลางน้ำ
3. เว้นระยะห่างมากกว่าปกติ
ถนนเปียกลื่นทำให้ระบบเบรกทำงานช้าลง การเว้นระยะห่างจากคันหน้ามากกว่าปกติจะช่วยลดความเสี่ยงในการชน
4. อย่าหยุดรถกลางน้ำ
หากหยุดกลางน้ำ แรงดันน้ำจะเพิ่มโอกาสให้น้ำซึมเข้าสู่ห้องเครื่องและภายในรถ ควรขับต่อเนื่องจนพ้นเขตน้ำท่วม
5. อย่าขับตามรถใหญ่เกินไป
รถบัสหรือรถบรรทุกมักสร้างคลื่นน้ำแรง หากขับตามชิดเกินไป อาจทำให้น้ำกระแทกจนเครื่องดับ
6. ห้ามสตาร์ทเครื่องทันทีหากรถดับ
หากรถดับกลางน้ำท่วม ห้ามสตาร์ทซ้ำ เพราะจะยิ่งทำให้น้ำเข้าระบบเครื่องยนต์และไฟฟ้า ควรเรียกรถลากเข้าศูนย์หรืออู่เพื่อเช็กความเสียหายแทน
หลังผ่านน้ำท่วม
1. เหยียบเบรกเบา ๆ หลายครั้ง
เพื่อไล่น้ำที่เกาะผ้าเบรกออก และช่วยให้ระบบเบรกกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
2. ตรวจสอบใต้ท้องรถ
หลังขับลุยน้ำ ควรเช็กว่ามีโคลน ดิน หรือเศษขยะติดอยู่หรือไม่ หากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดสนิมหรือปัญหาตามมา
3. ไล่ความชื้นภายในรถ
เปิดแอร์และปรับโหมดไล่ความชื้น ช่วยลดโอกาสเกิดเชื้อราและกลิ่นอับในห้องโดยสาร
4. ซับน้ำออกจากพรมทันที
พรมรถที่เปียกควรนำออกซับและตากแดด หากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดเชื้อราและกลิ่นเหม็นที่กำจัดยาก
5. ตรวจสอบน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์
หากน้ำมันเครื่องมีลักษณะขุ่นหรือเป็นฟอง แสดงว่าน้ำอาจเข้า ต้องรีบเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องยนต์
6. เข้าศูนย์หรืออู่ตรวจระบบไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าและกล่อง ECU เป็นจุดเสี่ยงเสียหายจากความชื้น หากขับลุยน้ำมาควรนำรถเข้าตรวจสอบอย่างละเอียด
ทริคเสริมเพื่อคนใช้รถหน้าฝน
- พกไฟฉาย เสื้อกันฝน และรองเท้าบูท เผื่อจำเป็นต้องออกจากรถในพื้นที่น้ำท่วม
- ใช้ผ้าคลุมเบาะกันน้ำชั่วคราวในวันที่ฝนตกหนัก
- ติดน้ำหอมรถยนต์กลิ่นสดชื่น เช่น ซิตรัสหรือเลมอน ช่วยลดกลิ่นอับภายในรถ
- ทำประกันภัยรถยนต์ที่ครอบคลุมภัยน้ำท่วม เพื่อความสบายใจในระยะยาว
การดูแลรถในหน้าฝนและน้ำท่วมไม่ใช่เรื่องยาก หากผู้ใช้รถรู้จักเตรียมตัวก่อนเดินทาง ขับอย่างระมัดระวังระหว่างลุยน้ำและดูแลรถทันทีหลังผ่านพื้นที่น้ำท่วม จะช่วยลดความเสียหายได้อย่างมาก และยังทำให้คุณขับขี่อย่างปลอดภัยในทุกสภาพอากาศ
พระพายอโรม่าขอเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มความสดชื่นและลดกลิ่นอับภายในรถหลังฝนตกหรือผ่านน้ำท่วม น้ำหอมปรับอากาศรถยนต์กลิ่นซิตรัสหรือเลมอนของพระพายอโรม่า ช่วยสร้างบรรยากาศสดชื่น และช่วยกลบกลิ่นอับชื้นที่เกิดจากความชื้นในห้องโดยสารโดยไม่ฉุนเกินไป ทำให้คุณนั่งรถได้สบายและรู้สึกผ่อนคลายหลังเจอสถานการณ์ฝนตกหนักค่าา